ผมหางานอยู่ประมาณ 2 เดือน จนกระทั่งผมเลิกเลือกงาน เพราะมันนานเกินไป เงินที่เอามาจากไทยค่อยลดลงจนเกือบหมด ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกห้องครัวด้วยความที่ไม่ได้เป็นคนชอบทำอาหารจริงจังทำให้ค่อนข้างติดขัดในตอนแรกแต่หลังจากเวลาผ่านไป 2 ปี (ผมอยู่ในครัวประมาณ 4 ปี) ผมก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในครัวแห่งนั้น555 ใครว่าคนต่างชาติทำงานกับคนญี่ปุ่นต้องถูกแกล้งถูกด่าตลอดมาฟังผมก่อน ด้วยความที่บ้าพลังไปหน่อยตอนนั้น ความเร็ว ความอึด เชื่อผมเถอะครับคนไทยไม่แพ้ใครในโลก อันนี้ไม่ได้ว่าเป็นผมคนเดียว แต่เห็นพี่ๆคนไทยที่อยู่ที่นี่ อึดๆกันทั้งนั้น ทำเข้าไปครับอย่าหยุดทำจนกว่าเจ้าถิ่นจะยอมแพ้ ยกตัวอย่างในร้านที่ผมทำมีเมนู ออมเล็ต(ไข่เจียว) ซึ่งต้องเตรียมไข่ไว้ทุกวันประมาณวันละ 10 กิโล/ 1กล่องใหญ่ (น่าจะประมาณ 150 ฟอง ) จากตอนแรกใช้เวลา ประมาณ 1 ชม.กว่า จนก่อนจะออกผมใช้เวลาอยู่ประมาณ 15 นาที ผมทำได้คุณก็ทำได้แน่นอน บอกตัวเองไว้นะครับว่าเรามันเกินคน เราไม่ใช่ธรรมดา เรานี่แหละจ้าวโลก 555
เมนูที่ทำทุกวันต้องเตรียมทุกวัน ได้แก่
-ซุปมิโสะ
-ซุปทั่วๆไป ซุปไก่ ซุปปลา แต่ส่วนตัวผมเรียกว่าซุปของเหลือ(มันเหลือจากวันก่อนพวกผัก พวกเนื้อ)
-สลัดบาร์ ประมาณ 12 อย่าง ได้แก่ ผักสลัด 1 ผลไม้ 3 มันบด เต้าหู้ก้อน อื่นๆ
-ของร้อน ไส้กรอก เบคอน ปลาซาบะย่างซอส ปลาแซลมอนย่างเกลือ พาสต้า หัวไช้เท้าต้ม(ไดคงนิ)
-ของดอง ถั่วเน่า
ของที่ทำเองทุกวัน
ซุปมิโสะ
น้ำ 25 ลิตร ต้มเดือด ใส่ดาชิ(คล้ายๆรสดีบ้านเราแต่ดาชิทำมาจาก ปลาคัทสึโอกับสาหร่ายคอมบุ) อันนี้ผมกะเอาประมาณ 50 กรัม ตามด้วยมิโสะใส่ลงไปเลยเป็นอันเสร็จ อันนี้เป็นการทำแบบง่ายๆที่ผมทำทุกเช้าแต่วิธีที่ถูกต้องมีไว้จะนำเสนอครับ
ซุปไก่
อันนี้น้ำเท่ากับซุปมิโสะ แต่ผมใส่คอนโซเม(ผงซุปไก่)ตามด้วยพวกเครื่องต่างๆ ที่เหลือในตู้เย็น พวกไส้กรอก เบคอน หรือผักต่างๆ
พาสต้า
ทำซอสรอไว้ก่อนเลยส่วนใหญ่ที่ผมทำจะเป็นซอสมะเขือเทศเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผสมก็มี
มะเขือเทศหั่นเต๋าแบบกระป๋อง หอมหัวใหญ่หั่นหยาบ เกลือ พริก ไทย คอนโซเม(ผงซุปไก่)
ใบกระวาน(เบย์ลีฟ) ใส้กรอกหั่นเฉียง เนย
ขั้นตอนการทำซอส
ผัดหอมหัวใหญ่หั่นหยาบ ด้วย เนยจนมีกลิ่นหอมจากนั้นใส่ใส้กรอกส่วนผสมที่เหลือลงไปเป็นอันเสร็จ
ทำอยู่อย่างนี้ 4 ปีกว่า....
คนไทยในญี่ปุ่น (นาโกย่า)
ชีวิตประจำวันในนาโกย่า
วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560
หางานทำในญี่ปุ่น กับ เรียนภาษาญี่ปุ่น เพิ่มเติม
หลังจากพยายามหางานทำในญี่ปุ่น สัมภาษณ์งานหลายที่ไม่ได้ซักที่ เงินที่เอามาจากไทยเริ่มหมดตอนนี้งานอะไรก็ได้ให้ชีวิตได้เดินต่อไป งานยอดฮิตสำหรับคนต่างชาตินกพลัดถิ่น "งานบริการ งานใช้แรงงาน" สำหรับงานค่าแรงเป็นชั่วโมง(อะรุไบท์ คำนี้มาจากภาษารัสเซีย *งานพาร์ทไทม์เป็นงานที่หาได้ไม่ยากในญี่ปุ่นถ้ามีวีซ่า)
ปกติงานในญี่ปุ่นจะแบ่งออกเป็น
- พนักงานประจำ (มีเงินเดือนแน่นอน โบนัส พักร้อน สวัสดิการต่างๆ เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี ฯลฯ (แล้วแต่บริษัทด้วย)
- พนักงานแบบสัญญาจ้าง พวกนี้จะคล้ายๆกับพนักงานประจำแต่จบกันเป็นตามสัญญาไป
-พนักงานพาร์ทไทม์ รายชั่วโมง รับรายได้ตามจริงตามเวลาที่ทำ แต่ก่อนผมเคยคิดว่าเฉพาะงานบริการตามร้านอาหาร หรือประเภทพวกงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะอะไรมากมาย แต่อันที่จริงแม้แต่อาชีพวิศวกร ก็ยังมีเหมือนกัน
**พนักงานแบบสัญญาจ้างและพาร์ทไทม์ มีทั้งแบบที่สถานประกอบการรับเข้าทำงานโดยตรง หรือรับมาจากบริษัทเอาท์ซอร์ส<รายได้ต่อชั่วโมงมักจะสูงกว่ารับเข้าทำงานโดยตรงแต่สถานประกอบการสามารถยกเลิกการจ้างได้ง่าย(ความคิดเห็นส่วนตัว)
อาจจะมีแบบอื่นอีกอันนี้ไม่ทราบจริงๆใครรู้บอกหน่อยจะเป็นพระคุณอย่างสูง ; )
ผมเลือกอยู่ซักพักโดยส่วนตัวแล้วชอบงานที่ทำแล้วมีทักษะผมเลยไม่เลือกงานประเภทพนักงานร้านสะดวกซื้อ(ไม่ใช่ไม่ดีแต่อยากได้อะๆรที่ต่อยอดได้แม้มีโอกาสนิดหน่อย) ผมเลือกงานครัวตอนอยู่ไทยงานครัวเป็นงานอดิเรกที่ทำเป็นครั้งคราวเท่านั้นแต่ตอนนี้มันจะเป็นงานสำหรับปากท้อง ผมเลือกงานร้านอาหารในโรงแรม ทักษะกับทักษะภาษาอังกฤษเพราะว่ายังไงต้องได้ใช้มั่งล่ะ!! ร้านนี้เช้าเป็นเซ็ตอาหารโรงแรมทั่วไปในญี่ปุ่น วันแรกแม้แต่ตักข้าวจากหม้อหุงข้าวใส่หม้ออุ่นผมยังทำไม่ได้ดีเลยอันนี้จำได้แม่นต้องให้คุณลุงคนญี่ปุ่นสอนซึ่งตอนหลังกลายเป็นสนิทกันคุยได้ทุกเรื่อง(โชคดีจัง) ช่วงแรกหน้าที่หลักล้างจานชามตั้งแต่ 6:30 ถึง8:00 จากนั้นไปเรียนภาษาอีก 3 ชั่วโมง แล้วกลับมาทำงานต่อถึงบ่าย3โมง เป็นอยู่3เดือน
*คอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่น ที่เรียนเป็นคอร์สสำหรับชาวต่างชาติที่มีคู่สมรสเป็นชาวญี่ปุ่น โดยอาสาสมัครชาวญี่ปุ่น ในราคาไม่แพง เป็นการเรียนเพื่อสนทนาในชีวิตประจำวัน การสนทนาในที่ทำงาน เป็นต้น
*ดูเพิ่มเติมได้ที่
http://www.nic-nagoya.or.jp/nihongonokai/
*แบบฟอร์มสมัคร
http://www.nic-nagoya.or.jp/nihongonokai/pdf/en_applicationForm.pdf
(แบบฟอร์มมีให้เลือก 8 ภาษา แต่ไม่มีภาษาไทย -*-)
ค่าเรียนถูกมากๆต่อคอร์ส/90นาที 10 ครั้ง
-ค่าแรกเข้า 2,500 เยน
-ค่าเอกสารประกอบการเรียน คอร์สพื้นฐาน 1,000 เยน ถ้าสูงขึ้นไปอยู่ที่ 500 เยน ทุกคอร์ส
ผมเรียนจนจบ 10 ชม.ในคอร์สสนทนาพื้นฐาน ชั่วโมงเรียนอาจจะน้อยแต่หลายๆบทสนทนาช่วยผมในที่ทำงานได้เป็นอย่างดี
การหางานในประเทศญี่ปุ่น
ปกติถ้าเป็นที่ไทยเวลาไปสมัครงาน เรามักจะพกเอกสารพวกใบระเบียนการเรียน สำเนาต่างๆ แนบติดกับใบประวัติการทำงานไปด้วยในเวลาสอบสัมภาษณ์งาน
แต่ที่ญี่ปุ่น(จากประสบการณ์ส่วนตัว) เวลาผมไปสัมภาษณ์งานที่ต่างๆ (ในช่วงแรกที่ย้ายมา) ผมเอาไปแค่ใบประวัติการทำงานรูปถ่าย 2 ใบ 1ใบติดไว้ที่ใบประวัติ อีกใบติดไปด้วยเฉยๆ ยื่นให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล (ถ้าไม่ผ่านสามารถขอคืนได้ โดยอาจจะขอให้ส่งคืนทางไปรษณีย์)
เทคนิคการเขียนใบประวัติสมัครงาน (ใบเรซูเม่ หรือ ใบริเรกิโช )
สำหรับตัวผมอ่านเขียนคันจิได้นิดหน่อยซึ่งแน่นอน "มันไม่พอ" สำหรับท่านที่มีสามีหรือภรรยาเป็นคนที่นี่ ให้เค้าเขียนให้เราแบบอ่านง่ายๆหรือพิมพ์แล้วปริ๊นไว้เป็นตัวอย่างไม่แนะนำให้เอาไปใช้เลย (ผมเคยใช้อยู่ซักพักถ้าเป็นงานรายชั่วโมงไม่ค่อยมีปัญหาซักเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นงานในสำนักงานควรเขียนเอง) เพราะเจ้าหน้าที่เค้าอาจจะดูว่าคุณมีความพยายามแค่ไหน และที่สำคัญควรเป็นใบประวัติที่เขียนเองโดยไม่มีการลบแก้ไข!! นั้นจะทำให้คุณดูดีขึ้นอีกเยอะเลย ** (ทริคนิดหน่อยส่วนตัวผมเขียนทีไรผิดทุกใบนั่นแหละครับ แต่ผมใช้วิธีเขียนนำด้วยดินสอก่อนตามด้วยปากกา(ผมใช้ปากกาแบบที่ลบได้)
-เวลาไปสัมภาษณ์งานควรไปก่อนเวลานัดประมาณ 5 นาที อย่าไปถึงก่อน(เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์คุณเค้าจะเตรียมตัวไม่ทัน นั่นจะทำให้คุณดูไม่ดี) อย่าไปช้ากว่า (อันนี้ปกติสายตั้งแต่วันแรกก็จบแล้วครับ เว้นแต่ถ้าไปสัมภาษณ์ที่บริษัทจัดหางานนั้นก็อีกเรื่องแต่เวลาไปสัมภาษณ์อีกรอบที่บริษัทที่จะจ้างคุณอันนี้อย่าสาย )
-การแต่งตัว ถ้าเป็นงานพาร์ทไทม์ แต่งตัวธรรมดาได้แต่ต้องดูเรียบร้อยไม่รุ่มร่าม ถ้าเป็นงานบริษัท งานออฟฟิศ เสื้อผ้าจะเป็นชุดสูท(สีดำ ไม่มีลาย) *ชุดสูทญี่ปุ่นสำหรับใส่ทั่วไปจะเป็นสีดำแต่ไม่ดำสนิท ส่วนสีดำที่เป็นสีดำสนิท อันนี้จะเป็นชุดไว้ใส่ไปงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานฉลองต่างๆ รวมถึงงานศพ)
-เมื่อคุณถึงที่สัมภาษณ์ หายใจลึกๆแล้วเข้าไปเลยอย่างมั่นใจครั่งแรกอาจมีประหม่าบ้างแต่บ่อยๆแล้วคุณจะชินเอง (ส่วนตัวผมแรกๆเหงื่อแตกทั้งที่ห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ หลาย(สิบ)รอบเข้าก็ชินครับ) ส่วนใหญ่ที่ผมเจอเค้าจะคุยเกี่ยวกับงานนิดเดียวนอกจากนั้นจะเป็นพูดเล่นซะมากกว่า) เมื่อสัมภาษณ์เสร็จกลับบ้านรอฟังผลครับ โดยปกติส่วนใหญ่ที่นี่ถ้าผ่านหรือไม่ผ่านบริษัทจะโทรมาหรือเมล์แจ้ง จะไม่ปล่อยให้คุณเป็นนางรอ รอเก้อประมาณ 1 อาทิตย์ทราบผล
ปกติงานในญี่ปุ่นจะแบ่งออกเป็น
- พนักงานประจำ (มีเงินเดือนแน่นอน โบนัส พักร้อน สวัสดิการต่างๆ เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี ฯลฯ (แล้วแต่บริษัทด้วย)
- พนักงานแบบสัญญาจ้าง พวกนี้จะคล้ายๆกับพนักงานประจำแต่จบกันเป็นตามสัญญาไป
-พนักงานพาร์ทไทม์ รายชั่วโมง รับรายได้ตามจริงตามเวลาที่ทำ แต่ก่อนผมเคยคิดว่าเฉพาะงานบริการตามร้านอาหาร หรือประเภทพวกงานที่ไม่ได้ใช้ทักษะอะไรมากมาย แต่อันที่จริงแม้แต่อาชีพวิศวกร ก็ยังมีเหมือนกัน
**พนักงานแบบสัญญาจ้างและพาร์ทไทม์ มีทั้งแบบที่สถานประกอบการรับเข้าทำงานโดยตรง หรือรับมาจากบริษัทเอาท์ซอร์ส<รายได้ต่อชั่วโมงมักจะสูงกว่ารับเข้าทำงานโดยตรงแต่สถานประกอบการสามารถยกเลิกการจ้างได้ง่าย(ความคิดเห็นส่วนตัว)
อาจจะมีแบบอื่นอีกอันนี้ไม่ทราบจริงๆใครรู้บอกหน่อยจะเป็นพระคุณอย่างสูง ; )
ผมเลือกอยู่ซักพักโดยส่วนตัวแล้วชอบงานที่ทำแล้วมีทักษะผมเลยไม่เลือกงานประเภทพนักงานร้านสะดวกซื้อ(ไม่ใช่ไม่ดีแต่อยากได้อะๆรที่ต่อยอดได้แม้มีโอกาสนิดหน่อย) ผมเลือกงานครัวตอนอยู่ไทยงานครัวเป็นงานอดิเรกที่ทำเป็นครั้งคราวเท่านั้นแต่ตอนนี้มันจะเป็นงานสำหรับปากท้อง ผมเลือกงานร้านอาหารในโรงแรม ทักษะกับทักษะภาษาอังกฤษเพราะว่ายังไงต้องได้ใช้มั่งล่ะ!! ร้านนี้เช้าเป็นเซ็ตอาหารโรงแรมทั่วไปในญี่ปุ่น วันแรกแม้แต่ตักข้าวจากหม้อหุงข้าวใส่หม้ออุ่นผมยังทำไม่ได้ดีเลยอันนี้จำได้แม่นต้องให้คุณลุงคนญี่ปุ่นสอนซึ่งตอนหลังกลายเป็นสนิทกันคุยได้ทุกเรื่อง(โชคดีจัง) ช่วงแรกหน้าที่หลักล้างจานชามตั้งแต่ 6:30 ถึง8:00 จากนั้นไปเรียนภาษาอีก 3 ชั่วโมง แล้วกลับมาทำงานต่อถึงบ่าย3โมง เป็นอยู่3เดือน
*คอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่น ที่เรียนเป็นคอร์สสำหรับชาวต่างชาติที่มีคู่สมรสเป็นชาวญี่ปุ่น โดยอาสาสมัครชาวญี่ปุ่น ในราคาไม่แพง เป็นการเรียนเพื่อสนทนาในชีวิตประจำวัน การสนทนาในที่ทำงาน เป็นต้น
*ดูเพิ่มเติมได้ที่
http://www.nic-nagoya.or.jp/nihongonokai/
*แบบฟอร์มสมัคร
http://www.nic-nagoya.or.jp/nihongonokai/pdf/en_applicationForm.pdf
(แบบฟอร์มมีให้เลือก 8 ภาษา แต่ไม่มีภาษาไทย -*-)
ค่าเรียนถูกมากๆต่อคอร์ส/90นาที 10 ครั้ง
-ค่าแรกเข้า 2,500 เยน
-ค่าเอกสารประกอบการเรียน คอร์สพื้นฐาน 1,000 เยน ถ้าสูงขึ้นไปอยู่ที่ 500 เยน ทุกคอร์ส
ผมเรียนจนจบ 10 ชม.ในคอร์สสนทนาพื้นฐาน ชั่วโมงเรียนอาจจะน้อยแต่หลายๆบทสนทนาช่วยผมในที่ทำงานได้เป็นอย่างดี
การหางานในประเทศญี่ปุ่น
ปกติถ้าเป็นที่ไทยเวลาไปสมัครงาน เรามักจะพกเอกสารพวกใบระเบียนการเรียน สำเนาต่างๆ แนบติดกับใบประวัติการทำงานไปด้วยในเวลาสอบสัมภาษณ์งาน
แต่ที่ญี่ปุ่น(จากประสบการณ์ส่วนตัว) เวลาผมไปสัมภาษณ์งานที่ต่างๆ (ในช่วงแรกที่ย้ายมา) ผมเอาไปแค่ใบประวัติการทำงานรูปถ่าย 2 ใบ 1ใบติดไว้ที่ใบประวัติ อีกใบติดไปด้วยเฉยๆ ยื่นให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล (ถ้าไม่ผ่านสามารถขอคืนได้ โดยอาจจะขอให้ส่งคืนทางไปรษณีย์)
เทคนิคการเขียนใบประวัติสมัครงาน (ใบเรซูเม่ หรือ ใบริเรกิโช )
สำหรับตัวผมอ่านเขียนคันจิได้นิดหน่อยซึ่งแน่นอน "มันไม่พอ" สำหรับท่านที่มีสามีหรือภรรยาเป็นคนที่นี่ ให้เค้าเขียนให้เราแบบอ่านง่ายๆหรือพิมพ์แล้วปริ๊นไว้เป็นตัวอย่างไม่แนะนำให้เอาไปใช้เลย (ผมเคยใช้อยู่ซักพักถ้าเป็นงานรายชั่วโมงไม่ค่อยมีปัญหาซักเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นงานในสำนักงานควรเขียนเอง) เพราะเจ้าหน้าที่เค้าอาจจะดูว่าคุณมีความพยายามแค่ไหน และที่สำคัญควรเป็นใบประวัติที่เขียนเองโดยไม่มีการลบแก้ไข!! นั้นจะทำให้คุณดูดีขึ้นอีกเยอะเลย ** (ทริคนิดหน่อยส่วนตัวผมเขียนทีไรผิดทุกใบนั่นแหละครับ แต่ผมใช้วิธีเขียนนำด้วยดินสอก่อนตามด้วยปากกา(ผมใช้ปากกาแบบที่ลบได้)
-เวลาไปสัมภาษณ์งานควรไปก่อนเวลานัดประมาณ 5 นาที อย่าไปถึงก่อน(เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์คุณเค้าจะเตรียมตัวไม่ทัน นั่นจะทำให้คุณดูไม่ดี) อย่าไปช้ากว่า (อันนี้ปกติสายตั้งแต่วันแรกก็จบแล้วครับ เว้นแต่ถ้าไปสัมภาษณ์ที่บริษัทจัดหางานนั้นก็อีกเรื่องแต่เวลาไปสัมภาษณ์อีกรอบที่บริษัทที่จะจ้างคุณอันนี้อย่าสาย )
-การแต่งตัว ถ้าเป็นงานพาร์ทไทม์ แต่งตัวธรรมดาได้แต่ต้องดูเรียบร้อยไม่รุ่มร่าม ถ้าเป็นงานบริษัท งานออฟฟิศ เสื้อผ้าจะเป็นชุดสูท(สีดำ ไม่มีลาย) *ชุดสูทญี่ปุ่นสำหรับใส่ทั่วไปจะเป็นสีดำแต่ไม่ดำสนิท ส่วนสีดำที่เป็นสีดำสนิท อันนี้จะเป็นชุดไว้ใส่ไปงานสำคัญต่างๆ เช่น งานแต่งงาน งานฉลองต่างๆ รวมถึงงานศพ)
-เมื่อคุณถึงที่สัมภาษณ์ หายใจลึกๆแล้วเข้าไปเลยอย่างมั่นใจครั่งแรกอาจมีประหม่าบ้างแต่บ่อยๆแล้วคุณจะชินเอง (ส่วนตัวผมแรกๆเหงื่อแตกทั้งที่ห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ หลาย(สิบ)รอบเข้าก็ชินครับ) ส่วนใหญ่ที่ผมเจอเค้าจะคุยเกี่ยวกับงานนิดเดียวนอกจากนั้นจะเป็นพูดเล่นซะมากกว่า) เมื่อสัมภาษณ์เสร็จกลับบ้านรอฟังผลครับ โดยปกติส่วนใหญ่ที่นี่ถ้าผ่านหรือไม่ผ่านบริษัทจะโทรมาหรือเมล์แจ้ง จะไม่ปล่อยให้คุณเป็นนางรอ รอเก้อประมาณ 1 อาทิตย์ทราบผล
สอบใบขับขี่ ญี่ปุ่น
หลังจากย้ายมาได้ก็ได้ลองไปสัมภาษณ์งานหลายๆ ที่ตามสายงานที่เคยทำตอนอยู่ที่ไทยแต่เนื่องจากไม่ได้ภาษาเลยตอนนั้น ก็ทุลักทุเลพอสมควร เวลาว่างระหว่างรองานก็มีงานอดิเรกคือ สอบใบขับขี่รถยนต์ ผมสอบข้อเขียนรอบเดียวผ่านเพราะเป็นภาษาไทย๕๕๕ แต่สอบขับ 3 รอบ ถึงผ่าน
ตอนผมมาทำใบขับขี่ที่นี่ผมมีใบขับขี่ไทยอยู่แล้วเลยเอามาเปลี่ยน(เทียบมาจากภาษาญี่ปุ่น 外免切替 Gaimen-Kirikae) แต่ว่าต้องมีใบขับขี่ไทยแล้วอยู่ในไทยมากกว่า 3 เดือนถึงจะเอามาเปลี่ยนได้ โดยเอาใบขับขี่ไทย ไปที่นี่เลย > http://www.jaf.or.jp/e/index.htm สนนราคาอยู่ที่ 3,000 เยนบวกค่าไปรษณีย์ 392 เยน เลือกไปที่ใกล้บ้านได้เลย > http://www.jaf.or.jp/inter/entrust/index_e.htm
ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์สำหรับการแปลและจัดส่ง
เมื่อได้รับเอกสารแปลแล้วก็ตรงไปที่ขนส่ง เพื่อยื่นคำร้องได้เลย สำหรับคนที่อยู่ในนาโกย่าคงหนีไม่พ้นขนส่งที่ฮิราบาริ รถไฟใต้ดินสายทสึรุมาเอะ(สีฟ้า)ลงสถานีฮิราบาริ (T19)ได้เลยแล้วมาขึ้นรถเมล์ตรงช่องเบอร์2 สาย 11 สุดสายที่ขนส่งเลย(แต่ตอนนี้รู้สึกว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่แน่ใจครับ แต่ตรงไหนคนลงเยอะๆแบบแทบหมดคันก็ตรงนั้นแหละครับ)
เมื่อมาถึงขนส่งก็ยื่นคำร้องสำหรับขอเปลี่ยนใบขับขี่ได้เลยครับแบ่งเป็น ค่าทดสอบ 2,400 เยน กับ ค่าทำใบขับขี่อีก 1,750 เยน(ส่วนหลังจ่ายตอนสอบผ่าน * อยากจ่ายเลยสิ) ยื่นคำร้องเสร็จต่อไปก็ไปรอคิวเพื่อทำข้อสอบเป็นข้อเขียนครับ(จำไม่ได้ว่ากี่ข้อแต่ไม่มากน่าจะซัก20กว่าข้อ) สำหรับคนอ่านญี่ปุ่นไม่ออกไม่ต้องกลัวเพราะที่นี่มีข้อสอบภาษาไทยรองรับครับสบาย(ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องมารยาทเช่นจอดรถข้างถนนได้ไหมถ้าไม่มีที่จอดรถอะไรทะนองนั้นแต่ก็แล้วแต่ชุดข้อสอบด้วย)
หลังจากสอบข้อเขียนผ่านแล้วต่อไปจะเป็นการสอบขับอันนี้ถ้าครั้งแรกตกไม่ต้องเครียดครับ เพราะตอนผมไปสอบคนจีนที่รอสอบแกบอกว่ารอบที่ 30 กว่าแล้วยังไม่ผ่านเลย (จนทุกวันนี้ผมได้ใบขับขี่มาจะ5ปีแล้วยังไม่รู้ว่าตอนนี้แกได้แล้วยัง - -a)
*เทคนิคเล็กน้อยตอนผมสอบแต่แล้วแต่ว่าเจอคนคุมสอบคนไหนด้วยนะครับ
รอบแรก รอบสอง ผมสอบขับแบบตอนสอบที่ไทย คือ ก่อนขึ้นขับเดินเช็คหน้ารถ หลังรถขับไม่เร็วช้าๆ หันมองกระจกสองข้าง ไม่ค่อยเร็ว สรุปตกทั้ง 2 รอบ * รอบ2ที่สอบตกจำได้ว่าตอนขับลืมจับพวงมาลัยมือเดียวตกเลย ๕๕๕
รอบที่ 3 ที่ผ่าน
วันนั้นจำได้ว่าง่วงนอนมากแล้วก็คิดว่าคงเหมือนเดิมคือไม่ผ่านเลยไม่คิดอะไรรีบๆ สอบจะได้รีบกลับค่อยมาใหม่สรุปผ่าน เช็คหน้าเช็คหลังรถเร็วๆ พอนั่งในรถใส่เข็มขัดนิรภัย ปรับที่นั่งคนขับ ปรับกระจกมองหลัง ก่อนออกตัวรถดูกระนิดนึงเร็วๆ เวลาผ่านทางม้าลายมองซ้าย-ขวา เปลี่ยนเลน ซ้าย ขวา หลัง(ไม่ใช่กระจกมองหลังแต่หันไปดูด้านหลัง) ทุกอย่างทำด้วยความรวดเร็ว เหมือนขับจริงบนท้องถนน (แต่ความจริงจะรีบกลับไปนอน) หลังจากผ่านสอบขับก็ไม่มีอะไรแล้วรอทำบัตร จ่ายเงิน 1,750 เยน เจ้าหน้าที่จะมีอธิบายนิดหน่อย ก่อนกลับ
คอร์สขับที่ฮิราบาริ (ตอนผมสอบได้ คอร์สB)
อ้างอิง
https://www.pref.aichi.jp/police/other-languages/english.html
พิกัด
35.106516, 137.007584
ใบขับขี่ใบแรก
ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์สำหรับการแปลและจัดส่ง
เมื่อได้รับเอกสารแปลแล้วก็ตรงไปที่ขนส่ง เพื่อยื่นคำร้องได้เลย สำหรับคนที่อยู่ในนาโกย่าคงหนีไม่พ้นขนส่งที่ฮิราบาริ รถไฟใต้ดินสายทสึรุมาเอะ(สีฟ้า)ลงสถานีฮิราบาริ (T19)ได้เลยแล้วมาขึ้นรถเมล์ตรงช่องเบอร์2 สาย 11 สุดสายที่ขนส่งเลย(แต่ตอนนี้รู้สึกว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่แน่ใจครับ แต่ตรงไหนคนลงเยอะๆแบบแทบหมดคันก็ตรงนั้นแหละครับ)
เมื่อมาถึงขนส่งก็ยื่นคำร้องสำหรับขอเปลี่ยนใบขับขี่ได้เลยครับแบ่งเป็น ค่าทดสอบ 2,400 เยน กับ ค่าทำใบขับขี่อีก 1,750 เยน(ส่วนหลังจ่ายตอนสอบผ่าน * อยากจ่ายเลยสิ) ยื่นคำร้องเสร็จต่อไปก็ไปรอคิวเพื่อทำข้อสอบเป็นข้อเขียนครับ(จำไม่ได้ว่ากี่ข้อแต่ไม่มากน่าจะซัก20กว่าข้อ) สำหรับคนอ่านญี่ปุ่นไม่ออกไม่ต้องกลัวเพราะที่นี่มีข้อสอบภาษาไทยรองรับครับสบาย(ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องมารยาทเช่นจอดรถข้างถนนได้ไหมถ้าไม่มีที่จอดรถอะไรทะนองนั้นแต่ก็แล้วแต่ชุดข้อสอบด้วย)
หลังจากสอบข้อเขียนผ่านแล้วต่อไปจะเป็นการสอบขับอันนี้ถ้าครั้งแรกตกไม่ต้องเครียดครับ เพราะตอนผมไปสอบคนจีนที่รอสอบแกบอกว่ารอบที่ 30 กว่าแล้วยังไม่ผ่านเลย (จนทุกวันนี้ผมได้ใบขับขี่มาจะ5ปีแล้วยังไม่รู้ว่าตอนนี้แกได้แล้วยัง - -a)
*เทคนิคเล็กน้อยตอนผมสอบแต่แล้วแต่ว่าเจอคนคุมสอบคนไหนด้วยนะครับ
รอบแรก รอบสอง ผมสอบขับแบบตอนสอบที่ไทย คือ ก่อนขึ้นขับเดินเช็คหน้ารถ หลังรถขับไม่เร็วช้าๆ หันมองกระจกสองข้าง ไม่ค่อยเร็ว สรุปตกทั้ง 2 รอบ * รอบ2ที่สอบตกจำได้ว่าตอนขับลืมจับพวงมาลัยมือเดียวตกเลย ๕๕๕
รอบที่ 3 ที่ผ่าน
วันนั้นจำได้ว่าง่วงนอนมากแล้วก็คิดว่าคงเหมือนเดิมคือไม่ผ่านเลยไม่คิดอะไรรีบๆ สอบจะได้รีบกลับค่อยมาใหม่สรุปผ่าน เช็คหน้าเช็คหลังรถเร็วๆ พอนั่งในรถใส่เข็มขัดนิรภัย ปรับที่นั่งคนขับ ปรับกระจกมองหลัง ก่อนออกตัวรถดูกระนิดนึงเร็วๆ เวลาผ่านทางม้าลายมองซ้าย-ขวา เปลี่ยนเลน ซ้าย ขวา หลัง(ไม่ใช่กระจกมองหลังแต่หันไปดูด้านหลัง) ทุกอย่างทำด้วยความรวดเร็ว เหมือนขับจริงบนท้องถนน (แต่ความจริงจะรีบกลับไปนอน) หลังจากผ่านสอบขับก็ไม่มีอะไรแล้วรอทำบัตร จ่ายเงิน 1,750 เยน เจ้าหน้าที่จะมีอธิบายนิดหน่อย ก่อนกลับ
คอร์สขับที่ฮิราบาริ (ตอนผมสอบได้ คอร์สB)
https://www.pref.aichi.jp/police/other-languages/english.html
พิกัด
35.106516, 137.007584
วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2560
สวัสดีปีใหม่ปีที่5ในต่างแดน
สวัสดีครับแนะนำตัวก่อนผมเป็นคนไทยอาศัยอยู่ที่นาโกย่ามาปีนี้เข้าปีที่5ย่างเกรียมๆเข้าปีที่ 6 ชื่อพ่อหนุ่มพลังม้า(แก่)
ก่อนอื่นต้องท้าวความก่อนถึงเหตุผลที่ย้ายมาที่นี่ เป็นเพราะว่าคุณแม่ยายตอนนั้นแกป่วยด้วยโรคร้ายจึงอยากจะให้แกได้ใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายกับลูกสาวก่อนไป ตั้งแต่วันนั้นเลยยาวมาถึงวันนี้
สวัสดีปีใหม่ 2560 ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)